ความสำคัญของการเขียนแบบก่อสร้าง

�� ความสำคัญของการเขียนแบบก่อสร้าง
������� การสร้างอาคารบ้านเรือนในปัจจุบัน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องมีแบบแปลนของอาคารเพื่อเป็นแบบที่ใช้ในการก่อสร้าง การกำหนดพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ เช่น พื้นที่รับแขกห้องนอน ห้องน้ำ ห้องส้วม ห้องพระ พื้นที่รับประทานอาหาร ตลอดจนบริเวณเฉลียงชานซักล้าง โรงรถและอื่น ๆ ต้องจัดวางตำแหน่งให้มีความสัมพันธ์กัน การก่อสร้างในสมัยก่อนนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องเขียนแบบ เพียงแจ้งความประสงค์ว่าต้องการอย่างไร ห้องนอนกี่ห้อง เสากี่ต้นเช่น เสา 9 ต้น 12 ต้น 15 ต้นหรือมากกว่านั้น สามารถนำมาเป็นแบบในการก่อสร้างได้ ในปัจจุบัน ความต้องการที่อยู่อาศัยสูงมาก เนื่องจากผู้คนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการก่อสร้างที่อยู่อาศัย จึงยังเป็นปัจจัยหลักของผู้คน อาคารที่สร้างในเขตเทศบาล ไม่ว่าเขตกรุงเทพมหานคร ฯ หรือเขตเทศบาลเมืองทั่วประเทศ จะต้องให้ผู้ที่มี่ส่วนเกี่ยวข้องออกแบบเขียนแบบ เพื่อยื่นความจำนงต่อเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในเขตเทศบาลนั้น ๆ แบบแปลนจะได้รับการตรวจสอบจากนายช่างประจำเขต สถาปนิก วิศวกร ผู้อำนวยการกองช่าง เทศมนตรีฝ่ายโยธา สุดท้ายที่เกี่ยวข้องคือนายกเทศมนตรี แบบแปลนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น จึงจะสามารถนำมาใช้ในการก่อสร้างได้ จังหวัดใด ที่มีพื้นที่และประชากรเป็นจำนวนมาก จะมีหน่วยงานโยธาจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ เกี่ยวกับการก่อสร้างนอกเขตเทศบาล ช่างสุขาภิบาลจะรับผิดชอบพื้นที่การก่อสร้างในเขตสุขาภิบาลต่าง ๆ��
��� ผู้รับผิดชอบงานเขียนแบบก่อสร้าง
แบ่งได้เป็น 3 ฝ่าย คือ�
������� 1. สถาปนิก (Architect) หมายถึง “นายช่างผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง “
��������������มีหน้าที่เป็นผู้ออกแบบเขียนแบบ กำหนดพื้นที่ใช้สอยของอาคารต่าง ๆ จัดการจราจรภายในอาคารกำหนดความสวยงามด้านสถาปัตยกรรม ประมาณการการก่อสร้าง ประสานงานกับวิศวกรและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่จะทำให้งานออกแบบเขียนแบบสำเร็จลงได้ด้วยดี�
������� 2 วิศวกร (Engineer) หมายถึง “นายช่างที่มีความรู้สูงในทางช่างต่าง ๆ เช่น ช่างกล ช่างไฟฟ้า”
����������� �นอกจากนั้นยังมีวิศวกรด้านอื่น ๆ เช่นด้านโครงสร้าง โยธา ซึ่งมีหน้าที่ในการออกแบบคำนวณ ความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร กำหนดขนาดของโครงสร้างและการเสริมเหล็ก�
��������3 ช่างเขียนแบบ (Draftsman) หมายถึง ช่างที่เป็นผู้ช่วยสถาปนิกหรือวิศวกรในการเขียนแบบก่อสร้าง โดยปกติสถาปนิกมีหน้าที่ในการออกแบบอาคารบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้าง ต่าง ๆ วิศวกรจะมีงานเกี่ยวกับการคำนวณโครงสร้าง ความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร นอกจากนั้นสถาปนิกและวิศวกรยังต้องบริหารงานโครงการก่อสร้างอาคาร จึงไม่ค่อยมีเวลาในการเขียนแบบด้วยตนเอง จึงต้องอาศัยช่างเขียนแบบเป็นผู้เขียนแบบก่อสร้างแทน ดังนั้นช่างเขียนแบบจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในงานก่อสร้างอาคาร�
�������ประเภทของแบบก่อสร้าง แบบก่อสร้างสามารถแยกได้ 2 ประเภทดังนี้
������� 1. งานเขียนแบบก่อสร้างทางด้านสถาปัตยกรรม (Architectural Drawing) แบบก่อสร้างทางด้านสถาปัตยกรรม เป็นแบบที่สถาปนิกเป็นผู้กำหนดรูปแบบและโครงสร้างทั่วไป ซึ่งได้รับข้อมูลจากการสำรวจสถานที่ นำรายละเอียดจัดเป็นรูปแบบของพื้นที่ใช้สอย ข้อมูลดังกล่าวได้จากเจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการว่า มีความต้องการเป็นพื้นฐานอย่างไร สถาปนิกจะเขียนเป็นแบบร่างนำเสนอเจ้าของบ้าน เพื่อร่วมปรึกษาถึงความเหมาะสม จากนั้นจะนำความคิดร่วมกัน เขียนแบบก่อสร้าง ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการศึกษาแบบและการอธิบาย การเขียนจะใช้มาตราส่วนย่อ โดยกำหนดมิติที่เป็นความกว้างความยาว หรือทุกส่วนของอาคาร แบบสถาปัตยกรรม จำแนกได้หลายลักษณะ คือ
������������ 1). ผังพื้นของอาคารทุกชั้น (Floor Plans) 2. รูปด้าน (Elevation)
������������ 3) รูปตัด (Section)
������������ 4). รูปขยายรายละเอียดทางสถาปัตยกรรม (Architectural Details)
������������ 5). ผังบริเวณก่อสร้าง (Lay Out Plan)
������������ 6). ผังที่ตั้งหรือผังสังเขป (Site Plan)
������������ 7). ตารางแสดงรายละเอียดทางสถาปัตยกรรม (Architectural Schedules)
���������� แบบก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมแต่ละแผ่น กำหนดอักษรย่อกำกับแบบเพื่อได้ทราบลักษณะของแบบแต่ละด้าน โดยใช้ตัวอักษร สถ. (A) ในช่องหมายเลขแบบเช่น สถ.- 1, สถ.-2 หรือ A-1, A-2, A-3 เป็นต้น���������
��������� 2 งานเขียนแบบทางด้านวิศวกรรม (Engineering Drawing) เป็นงานเขียนแบบเพื่อให้มีความสัมพันธ์กับการเขียนแบบก่อสร้างทางด้านสถาปัตยกรรมการกำหนดขนาด รูปร่าง ความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร เป็นหน้าที่โดยตรงของวิศวกรโยธา หรือ วิศวกรโครงสร้าง นอกจากนั้น ยังมีงานเขียนแบบทางด้านวิศวกรรมสุขาภิบาลและวิศวกรรมไฟฟ้า แบบวิศวกรรมโครงสร้าง (Structural Drawing) แบบทางด้านวิศวกรรมโครงสร้างประกอบด้วย
��������������� 1. ผังฐานราก (Foundation Plans)
��������������� 2. ผังโครงสร้าง (Framing Plans)
��������������� 3. รูปขยายรายละเอียดทางวิศวกรรม (Engineering Details)
��������������� 4. ตารางแสดงรายละเอียดทางวิศวกรรม (Engineering Schedules)
������������� อักษรย่อที่เขียนกำกับ จะใช้ต่างจากการเขียนแบบทางสถาปัตยกรรม โดยกำหนดอักษรย่อ นำหน้าหมายเลขแบบ วย. (S) เช่น วย.-1, วย.-2 หรือ S-1, S-2 เป็นต้น�

������� �แบบวิศวกรรมสุขาภิบาล (Plumbing Drawing) งานเขียนแบบที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้แก่�
��������� - ผังการเดินท่อ (Floor Plans)�
��������� - แบบแสดงการเดินท่อในแนวดิ่ง (Riser Diagram)�
��������� - รูปขยายรายละเอียดระบบท่อ (Piping Diagram)�
��������� - ตารางแสดงรายละเอียดระบบท่อ (Piping Schedules)
������� อักษรย่อใช้กับแบบวิศวกรรมสุขาภิบาล ใช้เขียนนำหน้าหมายเลขแบบ วส. (P) หรือ SN เช่น วส.-1, วส.-2 หรือ P-1, P-2 เป็นต้น�
��������แบบวิศวกรรมไฟฟ้า (Electrical Drawing)
��������� - ผังไฟฟ้า (Electrical Floor Plans)
��������� -�ผังไฟฟ้าแสดงตำแหน่งดวงโคมและสวิตช์ (Floor Plan Lighting)
��������� - ผังไฟฟ้าแสดงตำแหน่งเต้ารับอุปกรณ์ไฟฟ้า (Floor Plan Power)
��������� - แผนผังการติดตั้งวงจรไฟฟ้า (Single – line Diagram)�
��������� - ตารางแสดงรายละเอียดทางไฟฟ้า (Lighting Schedules)
������ งานเขียนแบบทางไฟฟ้า จะใช้อักษรย่อนำหน้าหมายเลขแบบ วฟ. (E) เช่น วฟ. –1 วฟ. –2 หรือ E-1, E-2 เป็นต้น�
�������แบบวิศวกรรมเครื่องกลในงานพิเศษ (Mechanical Drawing)
���������� ส่วนมากจะพบกับอาคารก่อสร้างขนาดใหญ่ และมีจำนวนชั้นสูง ๆ ได้แก่อาคารที่กำหนดให้มีลิฟท์เลื่อนขึ้นลง เพื่อส่งผู้โดยสาร มีบันไดเลื่อนเพื่อความสะดวกในการขึ้นและลงระหว่างชั้น หรืออาคารที่มีเครื่องจักรกลพิเศษ ต่างจากแบบอาคารธรรมดา จำเป็นต้องมีวิศวกรเครื่องกลรับรองแบบทุกแผ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การกำหนดอักษรย่อของแบบ จะใช้ตัวอักษร (M) เช่น M-1, M-2 หรือ Mech-1, Mech-2 103.
������ การเขียนสารบัญแบบก่อสร้าง
�������� แบบแปลนที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารแต่ละชุด ประกอบด้วยจำนวนหลายแผ่น การกำหนดสารบัญแบบก่อสร้าง เป็นส่วนที่มีความสำคัญยิ่ง นอกจากนั้นยังสะดวกต่อการค้นหาแบบแต่ละงานอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสารบัญแบบ กำหนดหมายเลขแบบเป็น สถ.-1, สถ.-2 หรือ A-1, A-2 หมวดเขียนแบบทางวิศวกรรม ใช้อักษรย่อหมายเลขแบบเป็น วส.-1, วส.-2 หรือ P-1, P-2 หมวดเขียนแบบไฟฟ้าหมายเลขแบบเป็น วฟ.-1, วฟ.-2 หรือ E-1, E-2 เป็นต้น การลำดับหมายเลขแบบ ตามสารบัญแบบก่อสร้าง จะเขียนเรียงตามจำนวนแผ่นของแบบก่อสร้าง ดังนี้�
�������� การจัดเรียงแบบก่อสร้างทางสถาปัตยกรรม��
����������� 1 แบบผังบริเวณก่อสร้าง ผังที่ตั้ง�
����������� 2 แบบผังพื้นทุกชั้น�
����������� 3 แบบรูปด้าน�
����������� 4 แบบรูปตัด�
����������� 5 แบบรูปขยายรายละเอียดทางวิศวกรรม�
�������� การจัดเรียงแบบวิศวกร�
������������6 ผังฐานราก�
������������7 ผังโครงสร้างพื้นแต่ละชั้น�
����������� 8 ผังโครงสร้างหลังคา�
����������� 9 แบบขยายรายละเอียดทางวิศวกรรม�
����������10 แบบผังไฟฟ้า�
����������11�แบบผังการเดินท่อในอาคาร�

����������ขนาดของกระดาษเขียนแบบ
����������� ขนาดของกระดาษเขียนแบบที่นำเสนอ เป็นการทบทวนความรู้เดิมที่เรียนในวิชาเขียนแบบพื้นฐาน “ขนาดกระดาษที่ต้องใช้ ขึ้นอยู่กับวัตถุที่จะเขียน ดังนั้นกระดาษขนาดเล็กจึงเหมาะสำหรับวัตถุสิ่งของที่เล็ก ๆ กระดาษขนาดใหญ่จึงเหมาะสำหรับส่วนประกอบใหญ่ ๆ หรือสำหรับนำเอาส่วนต่าง ๆ มารวมกัน ความจริงแล้วอุตสาหกรรมทุกขนาด จะใช้กระดาษเขียนแบบหลาย ๆ ขนาด แม้ว่าขนาดจะได้มาตรฐานสำหรับงานแต่ละประเภทก็ตาม”
��������� A0 841 x 1189 มม.��
����������A1 594 x 841 มม.
��������� A2 420 x 594 มม.
��������� A3 297 x 420 มม.
��������� A4 210 x 297 มม.�

�������� การวางรูปขอบและเส้นกรอบกระดาษ
����������� การเขียนแบบที่ดีและได้มาตรฐานนั้น ผู้เขียนแบบต้องศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมการเขียนโดยเฉพาะการเขียนเส้นกรอบกระดาษ
���������� กระดาษเขียนแบบขนาด A0 และ A1
������������� กรอบควรมีระยะห่างจากขอบกระดาษไม่น้อยกว่า 20 มม.���
������������� เส้นกรอบของกระดาษเขียนแบบ ควรเขียนติดต่อกันและเส้นกรอบควรมีความหนาของเส้นไม่น้อยกว่า 0.5 มม.��
��������������กรอบบอกชื่อ การเขียนแบบจะต้องมีผู้รับผิดชอบในงานนั้น ๆ เนื่องจากแบบที่เขียนเพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้าง หรือใช้ประโยชน์ในงานใดก็ตาม สถาปนิกและวิศวกรเมื่อผลิตผลงานแล้ว จะต้องรับผิดชอบจนกว่าอาคารจะทำการก่อสร้างแล้วเสร็จ ส่งมอบงานเรียบร้อย ถึงกระนั้นผู้รับผิดชอบทั้งสองฝ่าย ก็ยังต้องรับผิดชอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารต่อไปอีก เพื่อความมั่นใจและสบายใจของเจ้าของบ้าน นอกจากนั้น การกำหนดกรอบบอกชื่อ ยังเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเรื่องการเขียนแบบทางสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง�

����������มิติของกรอบบอกชื่อ
������� �“กรอบบอกชื่อความยาวไม่เกิน 170 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างใช้ตามความเหมาะสมของ กรอบชื่อแบบ� �“�
��������การเขียนชื่อแบบลงในกระดาษเขียนแบบ���
��������� การเขียนแบบสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง การเขียน กรอบบอกชื่อ สามารถนำเขียนได้ทั้งในแนวนอน แนวดิ่ง ความยาวไม่เกิน 170 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างตามความเหมาะสม ดังนั้นการออกแบบจึงพิจารณาตามความเหมาะสม�
����������การใช้เส้นในการเขียนแบบ เส้นที่ใช้ในการเขียนแบบ เพื่อให้เกิดความสวยงาม ประณีต และมีการเน้นเส้นที่ถูกแบบจะเขียนด้วยดินสอหรือปากกาเขียนแบบตามขนาดที่เหมาะสม ด้วยเส้นบาง เส้นหนาและเส้นหนามาก นอกจากนั้นการใช้เส้นจะเขียนตามชนิดและลักษณะของเส้น�
����������การเขียนตารางแสดงรายละเอียดต่าง ๆ การเขียนตารางแสดงรายละเอียดในแบบก่อสร้างมีหลายลักษณะ เพื่อเป็นการรวบรวมและจัดไว้เป็นหมวดหมู่ และสะดวกในการดูแบบ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการรวบรวมลักษณะ ขนาด ชื่อของบริษัทที่จำหน่ายสินค้าและอื่น ๆ ซึ่งประกอบด้วยตารางแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เช่น
��������� 1. ตารางแสดงรายละเอียดประตู
��������� 2. ตารางแสดงรายละเอียดหน้าต่าง
��������� 3. ตารางแสดงรายละเอียดผนัง
��������� 4. ตารางแสดงรายละเอียดพื้น
��������� 5. ตารางแสดงรายละเอียดฐานราก
��������� 6. ตารางแสดงรายละเอียดเสา
��������� 7. ตารางแสดงรายละเอียดคานคอดิน คานชั้นต่าง ๆ ตลอดจนคานหลังคา
��������� 8. ตารางแสดงรายละเอียดเครื่องสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ห้องน้ำห้องส้วม
��������� 9. ตารางแสดงรายละเอียดอื่น ๆ
������ การเขียนแบบก่อสร้างมีความจำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะเขียนแบบที่เป็นภาพทั่วไป ๆ ไปแล้ว เพื่อให้แบบมีรายละเอียดมากขึ้น สามารถอ่านแบบได้ง่ายและเพิ่มความเข้าใจ จึงต้องเขียน ตารางแสดงรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ติชม


ต้องการให้คะแนนบทความนี้่ ?

สร้างโดย :


krumod

สถานะ : ผู้ใช้ทั่วไป
การก่อสร้าง